เรื่องราวเปิดเผยเมื่อช่วงบ่าย วานนี้ (9 พ.ค.66) โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ได้ไปตรวจสอบ แล้วพบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น จึงต้องการให้ กกต. ตรวจสอบ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติว่า ห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.โดยไปยื่นหนังสือที่ กกต.วันนี้ (10 พ.ค.66)

ต่อมานายพิธา ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัว ช่วง 15.24 น.วานนี้ (9 พ.ค.66)

ต่อกรณีหุ้น ITV ผมไม่มีความกังวลเพราะ ไม่ใช่หุ้นของผม เป็นของกองมรดก ผมเพียงมีฐานะ ผจก.มรดก และได้ปรึกษาและแจ้งต่อ ปปช. ไปนานแล้ว

ฝ่ายทีมกฎหมายพร้อมเตรียมการชี้แจงอยู่แล้วเมื่อ กกต.ส่งคำร้องมา

เรื่องนี้อาจมีเจตนาสกัด #พรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ต้องการเห็นการ #ทลายทุนผูกขาด ในประเทศนี้

ต่อมา นายพิธา ให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชน ระบุ ชี้แจงผ่านโซเซียลไปแล้ว ยืนยันเป็นแค่ผู้จัดการมรดกเท่านั้นเรื่องหลักฐานและข้อกฎหมาย ก็ได้ปรึกษาชี้แจงต่อ ป.ป.ช. ไปตั้งแต่ปี 2562 แล้วคำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ

"ไม่น่ากังวลนะครับ เพราะได้ชี้แจงไปทางโซเชียลมีเดียแล้ว ว่าหุ้นนี้เป็นของทางกองมรดก ผมเป็นแค่ผู้จัดการมรดกเท่านั้น เพราะฉะนั้น รายละเอียดก็เป็นทางฝ่ายกฎหมายค่อนข้างที่จะรัดกุม ทั้งในแง่ของหลักฐานและในแง่ของกฎหมายด้วย รวมถึงความโปร่งใสก็ได้ปรึกษา และแจง ป.ป.ช. สมัยปี 2562 เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่มีความกังวลใจ คงไม่เสียสมาธิในการที่จะใช้เวลา 5 วันสุดท้ายในการหาเสียงอย่างเต็มที่"

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องจับตามอง ท่าทีของหลายภาคส่วน ทั้ง กกต. , ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ และต้องดูว่า ชะตากรรม นายพิธา จะซ้ำรอย นายธนาธร ไหม

4 เดือนแรกของปี 2023 สหรัฐฯ เกิดเหตุกราดยิงไปแล้วกว่า 200 ครั้ง!

เปิดข้อมูล "ไอทีวี" จากสถานีโทรทัศน์ สู่ ปมหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้น

โดยกรณีของนายธนาธร เป็นการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ โดย นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย วันที่ 25 มีนาคม 2562 หลัง เลือกตั้งได้ 2 วัน นายศรีสุวรรณ ได้ไปร้อง กกต.ให้ตรวจสอบ กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถือหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชน เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

จากนั้น กกต.ได้ มีมติเอกฉันท์ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัย สมาชิกภาพ นายธนาธร ให้สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 82 วรรคสี่ วันที่ 16 พฤษภาคม 2562

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 มีมติ 7 ต่อ 2 ว่า นายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด จริง ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 จากนั้น 30 พฤศจิกายน 2565 อัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้องนายธนาธร เหตุไม่ปรากฏข้อเท็จจริง-พยานหลักฐานว่าเข้าไปเกี่ยวข้องหลังโอนหุ้น

ด้านนักวิชาการ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า กรณีนายพิธา ถือหุ้นสื่อครั้งนี้ ไม่มีอะไรที่น่ากังวล ว่าจะซ้ำรอย กรณี ของนายธนาธร

เนื่องจาก นายพิธา ระบุว่า ได้นำข้อมูลดังกล่าวชี้แจงและแจ้งต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) แล้ว หากเป็นจริง ก็ไม่ต้องกลัวอะไร หากมีการยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบ ก็แค่นำข้อมูลที่ยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ มายืนยันกับ กกต. อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า การที่ นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล โดนร้องเรียนให้ตรวจสอบคุณสมบัติในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง พรรคการเมืองไหนจะได้ประโยชน์ มากที่สุด

รศ.ดร.ยุทธพร มองว่า พรรคที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด คือ กลุ่มพรรคอนุรักษ์นิยม และ การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่หลายพรรคการเมืองแข่งขันอย่างดุเดือด จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นว่า ในช่วงโค้งสุดท้าย จะมีการใช้วาทกรรม และ หลายวิธีเล่นงานพรรคขั้วตรงข้าม

รศ.ดร.ยุทธพร ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต้องระมัดระวังในเรื่องของการดิสเครดิตจากพรรคการเมืองขั้วตรงข้าม โดยเฉพาะการดิสเครดิตที่เกิดจากวาทกรรมต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อคะแนนนิยม