Search for:
  • Home/
  • Sports News/
  • กองกำลังอาสารัสเซียในยูเครน บุกดินแดนรัสเซีย ก่อนเลือกตั้ง!

กองกำลังอาสารัสเซียในยูเครน บุกดินแดนรัสเซีย ก่อนเลือกตั้ง!

ติดตามสงครามยูเครนที่มีสัญญาณว่าอาจกลับมาดุเดือดอีกครั้ง วันนี้กองกำลังอาสารัสเซียที่สนับสนุนยูเครนและมีฐานที่มั่นอยู่ในยูเครนเปิดเผยว่า ได้เปิดการโจมตีข้ามชายแดนเข้าไปในแผ่นดินรัสเซียที่แคว้นเบลโกรอดและแคว้นคูสก์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน

โดยปรากฎภาพวิดีโอที่กลุ่ม Freedom of Russia Legion กองกำลังอาสารัสเซียที่สนับสนุนยูเครนเผยแพร่ผ่านเทเลแกรมในวันนี้ โดยระบุว่าเป็นการใช้โดรนโจมตีไปยังยานเกราะของรัสเซียในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนของแคว้นคูสก์ทางใต้ของรัสเซีย

รัสเซียใช้อาวุธใหม่ถล่มแนวหน้ายูเครน ดัดแปลงจากระเบิดยุคโซเวียต

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแนะยูเครน ควรมี “ความกล้าหาญของธงขาว”

ยูเครน-พันธมิตรไม่พอใจ สมเด็จพระสันตะปาปาแนะยูเครนยกธงขาว

นี่เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดปฏิบัติการโจมตีบริเวณชายแดนรัสเซียในวันนี้ นอกจากที่ชายแดนแคว้นคูสก์ อีกพื้นที่ที่กลุ่ม Freedom of Russia Legion อ้างว่าได้บุกโจมตีภาคพื้นดินเช่นกัน คือที่ชายแดนแคว้นเบลโกรอด ปฏิบัติการโจมตีข้ามชายแดนครั้งนี้ มีกองกำลังอีกสองกลุ่มที่ร่วมด้วยคือ Russian Volunteer Corps และ the Siberian Battalion

มีข้อสังเกตว่า การเปิดปฏิบัติการโจมตีเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย อเล็กซี บารานนอฟกี อาสาสมัครรายหนึ่งจาก Freedom of Russia Legion ให้สัมภาษณ์ยืนยันต่อสำนักข่าว AFP ว่า ตั้งใจเปิดการโจมตีในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะเป็นการมอบอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินต่อไปอีก 6 ปีอย่างไม่ชอบธรรม

ล่าสุดกองทัพยูเครนได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโจมตีของกลุ่มกองกำลังอิสระเหล่านี้ ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่า กลุ่มกองกำลังไม่สามารถบุกเข้ามายังดินแดนของรัสเซียได้ เนื่องจากกองทัพรัสเซียสามารถป้องกันไว้ได้

ขณะเดียวกัน มีรายงานการโจมตีระยะไกลอีกแห่งหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันในเมืองออร์ยอลทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย โดยยูเครนได้ส่งโดรนจำนวน 25 ลำและจรวดอีก 9 ลูก เข้าไปโจมตีคลังน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสำคัญจนเกิดไฟลุกไหม้ครั้งใหญ่

ในวันที่ยูเครนกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในสงครามจากการขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่และอาวุธยุทโธปกรณ์ จนต้องถอยร่นไปยังแนวป้องกันที่พร้อมกว่า คำถามหนึ่งที่ตามมาคือ การเอาชนะรัสเซียในทางการทหารจะยังเป็นไปได้หรือไม่ หรือถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับมาเปิดการเจรจาสันติภาพอีกครั้ง ฝ่ายหนึ่งที่ออกมาเสนอแนะให้ยูเครนยอมเจรจาคือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งนำไปสู่การคัดค้านอย่างหนักจากทางการยูเครนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของชาติพันธมิตรในยุโรป

เลขาฯ นาโตค้านโป๊ป ยูเครนต้องการอาวุธ ไม่ใช่ยอมจำนน

 กองกำลังอาสารัสเซียในยูเครน บุกดินแดนรัสเซีย ก่อนเลือกตั้ง!

ล่าสุดอีกรายที่ออกมาตอบโต้คือ เลขาธิการนาโต ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวรอยเตอร์สที่สำนักงานใหญ่นาโตในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ได้กล่าวเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพในยูเครน ซึ่งเพิ่งกลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสออกมาระบุต่อสถานีโทรทัศน์ของสวิตเซอร์แลนด์ว่า ยูเครนควร “มีความกล้าหาญที่จะยกธงขาวเพื่อเจรจา” และไม่ควรหวาดกลัวที่จะเจรจาสันติภาพเมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลง

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อเสนอแนะของพระสันตะปาปา เลขาธิการนาโตระบุว่า ไม่มีใครต้องการสันติภาพไปมากกว่ายูเครนที่กำลังเผชิญกับการรุกรานของรัสเซีย

แต่ขณะเดียวกัน ยูเครนก็ต้องการปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศ ดังนั้น หากจะเจรจาเพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพที่มั่นคงและยั่งยืน หนทางเดียวที่จะประกันได้คือ การมอบการสนับสนุนทางการทหารให้แก่ยูเครน และนี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะบีบให้ยูเครนยอมจำนนต่อรัสเซีย เพราะจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่รัสเซียหรือประเทศอำนาจนิยมอื่นๆ จะมองว่า กำลังทางการทหารคือเครื่องมือที่สามารถใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมืองได้

นี่คือพันธมิตรยุโรปรายล่าสุดที่ออกมาคัดค้านข้อเสนอแนะของสมเด็จพระสันตะปาปา เช่นเดียวกันกับทางการยูเครนที่ออกมาแสดงความโกรธเคืองและไม่พอใจก่อนหน้านี้

ที่ผ่านมา ยูเครนยืนยันอย่างหนักแน่นมาตลอดว่าจะไม่มีทางยอมแพ้ต่อรัสเซีย และหากจะมีการเจรจาสันติภาพเกิดขึ้น ก็ต้องเกิดบนเงื่อนไขที่ยูเครนเสนอ นั่นคือรัสเซียต้องถอนทหารทั้งหมดออกจากยูเครน และต้องฟื้นคืนบูรณภาพทางดินแดนของยูเครนกลับคืนตามเดิมทั้งหมด ด้วยการที่รัสเซียต้องคืนคาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอย่างผิดกฎหมายเมื่อปี 2014 รวมถึง 4 แคว้นทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนที่ผนวกไปในปี 2022 นั่นก็คือ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอน

อย่างไรก็ดี รัสเซียปฏิเสธการเจรจายุติสงครามที่อยู่บนเงื่อนไขของยูเครนมาตลอด และยืนยันว่าการเจรจาจะต้องอยู่บนหลักการที่รัสเซียเสนอ การเจรจาสันติภาพกลายเป็นประเด็นร้อนในวันที่ยูเครนเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ โดยเฉพาะที่แนวรบทางภาคตะวันออกในแคว้นโดเนตสก์ เนื่องจากกระสุนปืนใหญ่ไม่เพียงพอที่จะรักษาระดับการยิงและกำลังพลที่อ่อนล้าจากการสู้รบมาเป็นเวลากว่า 2 ปี

ขณะที่ฝ่ายรัสเซียซึ่งได้เปรียบจากจำนวนกระสุนและกำลังพลที่มากกว่าสามารถรุกคืบได้อย่างรวดเร็วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนสามารถยึดอัฟดีฟกา เมืองยุทธศาสตร์สำคัญไปจากยูเครนได้ และบุกต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ อย่างไรก็ตาม กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถรุกคืบต่อไปได้อย่างรวดเร็วนัก

กองทัพรัสเซียหยุดชะงักหลังยึดอัฟดีฟกา

เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BFM TV ของฝรั่งเศสเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดที่แนวรบทางภาคตะวันออกว่า

กองทัพรัสเซียได้หยุดรุกคืบแล้ว ขณะที่ทหารยูเครนที่ถอยร่นออกมาตั้งหลักสามารถปรับปรุงตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ได้แล้ว แม้ว่าจะขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ก็ตาม โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีระบุว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดในรอบสามเดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ผู้นำยูเครนระบุว่า ที่แนวรบยังคงเผชิญความยากลำบากจากการปิดล้อมทางอากาศ การโจมตีระยะไกล ซึ่งรัสเซียถือครองความเหนือกว่าไว้ได้ และที่สำคัญคือการขาดแคลนกระสุนปืน

โดยสำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างอิงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโตว่า ระดับการยิงปืนใหญ่ของรัสเซียเหนือกว่ายูเครนที่ 10,000 นัด ต่อ 2,000 นัดต่อวันตลอดบริเวณแนวรบ

ข้อมูลที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีเปิดเผยสอดคล้องกับการรายงานของหนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ที่ระบุว่า ขณะนี้กองทัพรัสเซียได้เสียโมเมนตัมในการรุกคืบต่อ หลังจากที่สามารถบุกเมืองอัฟดีฟกาและยึดหมู่บ้านเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว โดยทหารรัสเซียยังคงติดพันอยู่ในการสู้รบหลักๆ รอบๆ บริเวณหมู่บ้านเบอร์ดือชิ หมู่บ้านออร์ลีฟกา และหมู่บ้านโทเนนเกีย ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอัฟดีฟกา และกำลังอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบกองทัพยูเครนที่ประจำอยู่ที่บริเวณพื้นที่สูง

นักวิเคราะห์ด้านการทหารประเมินว่า การรุกคืบของกองทัพรัสเซียต่อไปจากนี้จะยากลำบากกว่าเดิม เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาและมีลำธารกระจายอยู่ทั่ว อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ด้านการทหารมองว่า รัสเซียจะยังคงรักษาปฏิบัติการบุกโจมตีและฝ่าแนวป้องกันของยูเครนต่อไปได้ในอนาคต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่สถานการณ์ของยูเครนเปราะบางอย่างมาก เนื่องจากชาติพันธมิตรรายใหญ่อย่างสหรัฐฯ ชะงักงันในการอนุมัติร่างงบประมาณความมั่นคงเพิ่มเติมมูลค่า 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ยูเครนมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว

ขณะที่ชาติพันธมิตรในยุโรป ซึ่งพยายามยกระดับการสนับสนุนก็มีกำลังผลิตกระสุนไม่เพียงพอและไม่ทันต่อความต้องการของยูเครน

สาเหตุที่ยูเครนกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความช่วยเหลือทางการทหารจากสหรัฐฯ ที่ขาดตอน หลังจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรครีพับลิกันไม่ยอมนำร่างบรรจุในวาระการประชุม และประเด็นนี้จะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงฤดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีสัญญาณว่า โดนัลด์ ทรัมป์อาจได้กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นจริง มีโอกาสที่สถานการณ์ในยูเครนจะยากลำบากอย่างมาก

นายกฯ ฮังการีเผย ทรัมป์จะไม่ส่งเงินช่วยเหลือยูเครนคำพูดจาก เว็บสล็อตแมชชีน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ M1 หลังจากที่เดินทางไปเยือนโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึงที่พำนักในรัฐฟลอริดา

โดยระบุว่า ทรัมป์ได้บอกกับเขาว่า หากได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ยูเครนแม้แต่บาทเดียว และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมสงครามถึงจะจบลงได้ นายกฯ ฮังการีขยายความเพิ่มเติมว่า หากสหรัฐฯ ไม่ส่งความช่วยเหลือให้ยูเครน ยุโรปเองก็ไม่สามารถจัดหาเงินทุนเพื่อช่วยยูเครนทำสงครามต้านทานรัสเซียได้ไหว และสงครามก็จะจบลง

พร้อมเปิดเผยอีกด้วยว่า ทรัมป์มีแผนที่จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงได้แล้ว แต่ไม่ได้ขยายความว่าเป็นแผนแบบไหน หลังจากผลการเลือกตั้งซูเปอร์ทิวส์เดย์ ซึ่งเป็นวันที่หลายรัฐทั่วสหรัฐฯ จัดการเลือกตั้งขั้นต้นพร้อมกันออกมา ปรากฏว่ามีโอกาสสูงมากที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนจะเป็นการรีแมตช์ระหว่าง โจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์

ดังนั้น การเลือกตั้งขั้นต้นที่ยังเหลืออยู่แทบจะเรียกได้ว่าปราศจากการแข่งขัน โดยจะเป็นเพียงแค่การเก็บเกี่ยวจำนวนผู้แทนลงคะแนนให้เพียงพอที่จะได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเท่านั้น

สำหรับการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ที่รัฐฮาวาย มิสซิสซิปปี วอชิงตัน และจอร์เจียสิ่งที่น่าจับตาคือ มีโอกาสที่ทรัมป์และไบเดนอาจได้รับจำนวนผู้แทนลงคะแนนจนครบจำนวนขั้นต่ำที่ที่ประชุมระดับชาติพรรคกำหนดไว้จากไพรมารีใน 4 รัฐนี้

ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่า คู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้จะเป็นการกลับมาเผชิญหน้ากันระหว่างไบเดนและทรัมป์โดยขณะนี้ ผลโพลจากรอยเตอร์ส / อิปซอสส์ระบุว่า คะแนนนิยมระหว่างทรัมป์และไบเดนห่างกันไม่มากและค่อนข้างสูสี โดยมีผลต่างอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3

หากมองข้ามช็อตไปยังการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ นี่หมายความว่าการขับเคี่ยวหาเสียงกันในรัฐ swing state ซึ่งเป็นรัฐที่สามารถชี้ขาดผลการเลือกตั้งทั่วไปได้จะเข้มข้นมาก จอร์เจียที่จะมีการเลือกตั้งขั้นต้นในวันนี้ ก็เป็นหนึ่งในรัฐ swing state ที่สำคัญ

โดยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 คนผิวดำซึ่งเป็นกลุ่มผู้ลงคะแนนสำคัญที่สามารถชี้ขาดผลการเลือกตั้งได้ ตัดสินใจส่งมอบคะแนนให้ประธานาธิบดีไบเดนเฉือนชนะทรัมป์ไปได้ด้วยคะแนนที่มากกว่าเพียงร้อยละ 0.23 เท่านั้น

อย่างไรก็ดี การโน้มน้าวฐานเสียงคนผิวดำของประธานาธิบดีไบเดนในปีนี้อาจไม่ง่ายดายนัก รานันดา โรบินสัน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของโครงการ New Georgia เปิดเผยว่า คนผิวดำในรัฐจอร์เจียรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับตัวเลือกที่มีอยู่ และอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทะเบียนในการเลือกตั้งทั่วไปได้

เช็กชื่อ! กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ยุค “พิธา-ชัยธวัช”

ไฟไหม้ตลาดสี่มุมเมือง “เด็ก 4 ขวบพร้อมน้า” สำลักควันเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 1

เปิดโปรแกรม 10 นัดสุดท้าย อาร์เซน่อล ลิเวอร์พูล และ แมนซิตี้ ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก